สิ่งที่ควรรู้กับสนาม อาร์มันโด มาราโดนา
สิ่งที่ควรรู้กับสนาม อาร์มันโด มาราโดนา
สิ่งที่ควรรู้กับสนาม อาร์มันโด มาราโดนา
สตาดิโอ ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา สนามเหย้าสโมสรนาโปลี แห่งกัลโช่ซีเรียอา สนามแห่งนี้อยู่ในเมือง เนเปิลส์ ตอนใต้ของประเทศอิตาลี สนามกีฬาแห่งนี้เป็นรองเพียงซานซิโร่ และสตาดิโอ โอลิมปิกโก ในกรุงโรมเท่านั้น อีกหนึ่งสนามกีฬาที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายที่น่าสนใจ กับความรักที่ไม่ได้มีแค่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น กับสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทซอิตาลี
สนามแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1948 ใช้เวลาก่อสร้างนาน 11 ปี เนื่องจากติดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อสร้างเสร็จในปี 1959 เหตุผลหลักของการก่อสร้างแห่งนี้ก็เพื่อรองรับ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปี 1960 กรุงโรม มีชื่อ สตาดิโอ เดล โซเล หรือสนามฟุตบอลแห่งอาทิตย์อุทัย ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เซนต์ เปาโล เป็นต้นมา กระทั่งในที่สุด ในปี 2020 สโมสรแห่งนี้เปลี่ยนชื่อเป็น สตาดิโอ ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา จนถึงปัจจุบัน หลังตำนานนักฟุตบอลขาวอาร์เจนติน่าเสียชีวิต
ซน ฮึง-มิน เกิดและเติบโตที่ชุนชอน เมืองคังวอนกับพ่อของเขา พ่อของซนเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้ชุดบี เขาได้รับอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายทำให้ชีวิตนักฟุตบอลของเขาจบลงอย่างรวดเร็วในวัยเพียง 28 ปี พ่อของเขาจึงฝากความฝันนี้ไว้กับตัว ซน ฮึง-มิน ลูกชายของเขา ทุกวันซนจะได้รับการฝึกอันหนักหน่วงจากพ่อของเขาทั้งการเดาะบอลกว่า 4 ชั่วโมง การฝึกยิงประตูด้วยเท้าทั้งสองข้างนับพันครั้ง
ฝึกกระโดดเชือกอีกหลายพันครั้ง ซนให้สัมภาษณ์ว่าถึงนั้นจะเป็นการฝึกต่อเนื่องนานนับ 6 ชั่วโมงที่โหดอย่างมาก แต่นั้นก็เป็นการฝึกพื้นฐานของเขาได้เป็นอย่างดีและทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้ พ่อของเขาไม่อนุญาตให้ซนเล่นไนลีกจนกว่าจะอายุ 16 ปี เพราะเขาต้องการให้ซนมีร่างกายที่พร้อมมากกว่านี้และไม่ต้องมาจบอาชีพเหมือนดั่งเช่นตัวเขา
แต่เดิมสนามแห่งนี้มีขนาดเพียงชั้นเดียวเท่านั้น สถาปนิกในขณะนั้น พยายามปรับปรุงสนามแห่งนี้ให้มีรูปแบบน่าสนใจคือ จากเดิมมีชั้นเดียว จะต่อเติมเป็นสองชั้น โดยให้ชั้นล่างแคบ แต่แสตนด์ชั้นบนสูง ดังเวลาจึงใช้ระยะเวลาถึง 11 ปี ถึงแล้วเสร็จ หากไม่รวมสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสร้างเสร็จ สนามแห่งนี้สามารถจุผู้ชมได้สูงถึง 90,000 คน (ยืน) เปิดครั้งแรกปี 1959 นับเป็นสนามฟุตบอลในประเทศอิตาลีที่ดีนานถึงทศวรรษเลยทีเดียว
ปี 1990 ฟุตบอลโลกที่อิตาลี สนาม เซนต์ เปาโล ทำหน้าที่จัดเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน ระหว่างเจ้าบ้านทีมชาติอิตาลี และอาร์เจนติน่า ในรอบรองชนะเลิศ เกมดังกล่าวเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย อันดับแรกก็คือ อิตาลีเป็นเจ้าบ้าน สองสนามดังกล่าวตั้งอยู่ในเมือง เนเปิลลส์ ที่มีสโมสรนาโปลีที่มี ดิเอโก มาราโดนา สตาร์ชาวอาร์เจนติน่า ที่วันนี้เขาต้องสวมบทเป็นศัตรูต่อแฟนบอลอิตาลี และชาวเนเปิลลส์ ท่ามกลางเคิฟสแตรด์ที่เขียนว่า เรารรักมาดาโดน่า เป็นภาษาอิตาเลี่ยนหรา
แต่ผลที่ออกมากลับประทับใจอย่างมาก กล่าวได้ก็คือ เพลงชาติอาร์เจนติน่า คือ เพลงชาติเดียวที่ชาวเมืองเนเปิลลส์จะไม่โห่ร้อง แต่อิตาลีก็คือบ้านเกิดของพวกเขา สุดท้ายอิตาลีตกรอบเพราะลูกจุดโทษของเสื้อเตี้ยมาราโดน่า ทำเอารัฐบาลอิตาลีออกกฎหมายห้ามตั้งชื่อสนามแทนด้วยชื่อบุคคลที่ยังมีชชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามปี 2020 ชื่อสนามแห่งก็ถูกเปลี่ยนอีกครั้ง ท่ามกลางความโศกเศร้า ในการจากไปของ ยอดสโมสรนาโปลี แห่งเมืองเนเปิลลส์ มาราโดน่า
สนามกีฬาแห่งเมืองเมเปิลส์สนามนี้ ออกแบบให้มีลักษณะคล้าย รูปชาม ส่วนว้าวขอบชามจะเป็นอยู่ฝั่ง เคิฟ โนต (Curva Nord) อัฒจันทร์ของแฟนบอลเดนตายของนาโปลี ฝั่งตรงข้าม เรียกว่า เคิฟ ซัด (Curva Sud) ส่วนด้านข้างจะสโลปต่ำลงไปเรื่อย ๆ นับว่าเป็นสนามที่ออกแบบดีไซน์ได้อย่างสวยงามอย่างมาก รอบ ๆ สนามจะมีลู่วิ่งซึ่งเกิดจาก การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอดีต
- ติดตามประวัตินักฟุตบอลเพิ่มเติมได้ที่ :: ประวัตินักฟุตบอล
- เครดิต :: 7mscoreplus.com